เกี่ยวกับภาษาเขมร
ภาษาเขมรจัดอยู่ในกลุ่มภาษามอญ-เขมรของตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ซึ่งมีอีกสองภาษาที่สำคัญที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันคือภาษาเวียดนามและภาษามอญ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ภาษานี้ต่างกับภาษาส่วนใหญ่ที่พูดกันในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คือภาษาเขมรนี้ไม่ใช่ภาษาที่มีวรรณยุกต์ ภาษานี้ได้มีการพัฒนาขึ้นมาโดยแบ่งเป็น 4 ช่วงหลักๆ ก็คือ 1. ภาษาเขมรโบราณสมัยก่อนเมืองพระนครที่ใช้ในช่วงปี ค.ศ.
ศตวรรษที่ 9 2. ภาษาเขมรโบราณสมัยเมืองพระนครที่เป็นภาษาของจักรวรรดิเขมรที่ใช้กันจนถึงช่วงปี ค.ศ. กลางศตวรรษที่ 14 3. ภาษาเขมรโบราณสมัยกลางที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในแง่ของโครงสร้างภาษา การออกเสียง และคำศัพท์ที่ใช้กันจนถึงช่วงปี ค.ศ.
ศตวรรษที่ 18 และ 4. ภาษาเขมรสมัยใหม่ที่เป็นรูปแบบภาษาที่ใช้กันในปัจจุบัน
ตัวอักษรเขมรเป็นตัวอักษรที่มีการดัดแปลงมาจากอักษรปัลลวะที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. ศตวรรษที่ 3 เมื่อสืบต่อไปก็จะพบว่าสุดท้ายแล้วตัวอักษรนี้ก็เป็นสิ่งที่กลายมาจากตัวอักษรพราหมีเช่นเดียวกับตัวอักษรส่วนมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งหลักฐานที่มีจะสามารถพบได้ย้อนไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนเริ่มปี ค.ศ. ภาษานี้จะใช้อักษรสระประกอบที่เป็นระบบการเขียนที่สามารถนำพยัญชนะมารวมกับเสียงสระได้ ซึ่งเสียงสระนี้จะไม่มีการเขียนกำกับไว้ให้เห็น
ภาษาเขมรจะเขียนจากทางซ้ายไปขวาโดยไม่มีวรรคตอนคั่นระหว่างคำ การแบ่งวรรคตอนจะใช้เป็นหลักในการแยกวลี ประโยค และรายการสิ่งของออกจากกัน
ตัวอักษรเขมรมีพยัญชนะ 35 ตัวโดยมี 2 ตัวที่เลิกใช้ไปแล้วในปัจจุบันและพยัญชนะแต่ละตัวมีอักขระอยู่สองแบบในรูปปกติและในรูปของตัวห้อย มีสระอยู่ด้วยกัน 2 ชุดโดยเป็นสระจม 25 ตัวที่ต้องนำไปผสมกับพยัญชนะเสมอและสระลอย 14 ตัว (หนึ่งใน 14
ตัวนี้จะมี 2 อักขระ) ที่อยู่โดด ๆ ในช่วงเริ่มของพยางค์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายกำกับเสียงอีก 13 ตัวที่ใช้ผันการออกเสียงหรือเสียงสูงต่ำอีกด้วย เครื่องหมายวรรคตอนในปัจจุบันใช้ผสมกันระหว่างอักขระของภาษาเขมรและอักขระของภาษาตะวันตก ( ? !
« » ) ตัวเลขของภาษาเขมรยังมีการใช้งานทั่วไปอยู่เหมือนเดิม โดยตัวเลขของภาษาตะวันตกก็มีการใช้เช่นกันแต่จะนิยมใช้น้อยกว่า