บริการแปลภาษาจีน

เพิ่มคุณค่าแบรนด์ของคุณในจีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สิงคโปร์ด้วยประสบการณ์อันล้ำค่าและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในทุกช่องทางการสื่อสาร

โลคัลไลเซชันภาษาจีน

เมื่อต้องการแปลเนื้อหาเป็นภาษาจีน คำถามแรกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลหรือการทำโลคัลไลเซชันมักจะถามคุณก็คือ ‘คุณต้องการภาษาจีนที่ใช้ในพื้นที่ใด จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน หรือสิงคโปร์’ หรือ ‘คุณต้องการใช้รูปแบบตัวอักษรแบบใด จีนตัวย่อหรือจีนตัวเต็ม’

  • โดยทั่วไปแล้วจีนตัวย่อและจีนตัวเต็มเป็นรูปแบบการเขียนในภาษาจีน โดยจีนตัวย่อเป็นรูปแบบที่ถูกลดทอนและดัดแปลงมาจากจีนตัวเต็ม ซึ่งจีนแผ่นดินใหญ่และสิงคโปร์ใช้จีนตัวย่อ ในขณะที่ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวันใช้จีนตัวเต็ม อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้จีนตัวเต็มเหมือนกัน แต่รูปแบบตัวอักษรของไต้หวันและฮ่องกงมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ ในการแปลเนื้อหาสำหรับกลุ่มเป้าหมายในสองพื้นที่นี้ จึงแนะนำให้จัดทำเวอร์ชันแยกสำหรับแต่ละตลาด เพื่อให้เหมาะสมกับผู้อ่านในแต่ละพื้นที่มากที่สุด

  • ภาษาพูดในพื้นที่ที่ใช้ภาษาจีนมีความหลากหลาย โดยจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันใช้ภาษาจีนกลางเป็นหลัก แต่ไต้หวันจะมีสำเนียงเฉพาะที่เรียกว่า 'ภาษาจีนกลางสำเนียงไต้หวัน' ในขณะที่ฮ่องกงและมาเก๊าใช้ภาษาจีนกวางตุ้งเป็นภาษาถิ่นทางการ ซึ่งภาษาจีนกลางและภาษาจีนกวางตุ้งแตกต่างกันมาก ด้วยความหลากหลายนี้ การระบุกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกใช้ภาษาและสำเนียงที่เหมาะสม เพื่อให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่
  • เมื่อระบุกลุ่มตลาดเป้าหมายได้ชัดเจน การจัดการกับภาษาจีนจะไม่ซับซ้อนมากนัก การคัดเลือกนักแปลควรพิจารณาจากเกณฑ์สำคัญสามประการ ได้แก่ ภาษาแม่ของนักแปล ระบบการเขียน (จีนตัวย่อหรือจีนตัวเต็ม) และความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ส่วนการจัดรูปแบบสิ่งพิมพ์และมัลติมีเดีย สามารถดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาได้ เนื่องจากซอฟต์แวร์สำหรับการจัดรูปแบบสิ่งพิมพ์และมัลติมีเดียได้รับการพัฒนาให้รองรับภาษาจีนได้อย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตาม การรับรองคุณภาพยังคงควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นเจ้าของภาษาจีนเท่านั้น สำหรับการบันทึกเสียงพากย์ ควรใช้นักพากย์ที่เป็นเจ้าของภาษาและสามารถพูดภาษาถิ่นได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้องานและตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้การผลิตสื่อภาษาจีนมีคุณภาพสูงและตรงตามความต้องการของผู้บริโภคในตลาดเป้าหมาย

การแปลภาษา

  • ตรวจแก้ไขงาน
  • พิสูจน์อักษร
  • พัฒนาเอนจินโปรแกรมแปลภาษา
  • ตรวจแก้ไขงานแปลหลังการแปลด้วยโปรแกรมแปลภาษา
  • การจัดรูปแบบสิ่งพิมพ์
  • การพากย์เสียงและพากย์เสียงทับ
  • การทำคำบรรยายและคำบรรยายแบบปิด
  • การโลคัลไลเซชันเนื้อหา Flash และมัลติมีเดีย
  • การทดสอบเชิงภาษา
  • การทดสอบเชิงการใช้งาน
  • ล่าม

งานด้านผลิตภัณฑ์

  • เอกสาร
  • คู่มือด้านเทคนิค
  • สื่อสิ่งพิมพ์สำหรับการตลาด
  • โบรชัวร์และแผ่นพับ
  • ฉลากและบรรจุภัณฑ์
  • นิตยสารและจดหมายข่าวสาร
  • เว็บไซต์
  • แอปพลิเคชันสำหรับโทรศัพท์มือถือ
  • ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน
  • สื่อสำหรับการฝึกอบรมและอีเลิร์นนิ่ง
  • การพากย์เสียงและมัลติมีเดีย
  • เนื้อหาวิดีโอ

เกี่ยวกับภาษาจีน

กลุ่มภาษาถิ่นของภาษาจีนเป็นหนึ่งในสองภาษาหลักของตระกูลภาษาจีน-ทิเบต โดยอีกกลุ่มคือภาษาทิเบต-พม่า ระบบการจำแนกภาษาถิ่นแบบดั้งเดิมของภาษาจีนประกอบด้วยเจ็ดภาษาถิ่นหลัก ได้แก่ ภาษาจีนกลาง ภาษาหวู ภาษาเยว่ ภาษาหมิ่น ภาษาเซียง ภาษาฮากกา และภาษากั้น

ถึงแม้คนที่พูดภาษาจีนถิ่นต่าง ๆ จะสื่อสารกันรู้เรื่องได้ แต่คนจีนส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าภาษาถิ่นเหล่านี้มีความแตกต่างกัน แต่ก็ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของภาษาจีน ภาษาจีนกลาง ซึ่งรวมถึงภาษาจีนมาตรฐาน มีคนพูดมากที่สุดประมาณ 1,400 ล้านคน รองลงมาคือภาษาอู๋ที่มีคนพูดประมาณ 90 ล้านคน และภาษาเหยา ซึ่งรวมถึงภาษาจีนกวางตุ้ง มีคนพูดประมาณ 70 ล้านคน

ภาษาจีนเป็นหนึ่งในภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ผู้คนเชื่อว่ามีการใช้ภาษาจีนโบราณกันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ช่วงต้นถึงกลางของราชวงศ์โจว (ประมาณ 1122 ถึง 256 ปีก่อนคริสตกาล) ส่วนภาษาเขียนที่เก่าแก่ที่สุดที่เราพบ เรียกว่า 'อักษรกระดูกเต่า' หรือ 'อักษรกระดูกเสี่ยงทาย' ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ชาง ราว 2000 ปีก่อนคริสตกาล

ภาษาจีนมาตรฐานพัฒนามาจากภาษาจีนปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษาถิ่นของภาษาจีนกลาง ปัจจุบัน ภาษาจีนมาตรฐานเป็นภาษาราชการของจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในสี่ภาษาราชการของประเทศสิงคโปร์ด้วย

ภาษาจีนกวางตุ้งเป็นภาษาถิ่นดั้งเดิมของพื้นที่กวางโจวในมณฑลกวางตุ้ง และถือเป็นภาษาถิ่นที่มีความสำคัญสูงสุดในกลุ่มภาษาเหยา ภาษาจีนเป็นหนึ่งในสองภาษาราชการของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า (โดยอีกภาษาคือภาษาอังกฤษสำหรับฮ่องกง และภาษาโปรตุเกสสำหรับมาเก๊า) อย่างไรก็ตาม ทั้งฮ่องกงและมาเก๊าใช้ภาษาจีนกวางตุ้งเป็นหลักในภาษาพูดทั่วไป

ระบบการเขียนภาษาจีนใช้ตัวอักษรที่แทนความหมายของคำโดยตรง ไม่ได้แสดงเสียงอ่านเหมือนภาษาอื่น ๆ แม้บางคนจะเรียกตัวอักษรจีนว่า ""ตัวหนังสือความคิด"" แต่จริง ๆ แล้วหลายความคิดต้องใช้หลายตัวอักษรประกอบกัน เพราะตัวอักษรจีนไม่ได้บอกวิธีออกเสียง คนอ่านจึงไม่จำเป็นต้องรู้วิธีอ่านออกเสียงหรือพูดภาษาเดียวกับผู้เขียน ยกตัวอย่างเช่น คนจีนสองคนที่พูดภาษาถิ่นต่างกันจนฟังกันไม่รู้เรื่อง ก็ยังสามารถอ่านและเข้าใจข้อความเดียวกันได้ แม้ว่าคนเขียนจะใช้ภาษาถิ่นที่ต่างไปจากทั้งสองคนก็ตาม นี่ทำให้การสื่อสารด้วยการเขียนในภาษาจีนมีประสิทธิภาพมาก

การที่ตัวอักษรจีนแยกความหมายออกจากการออกเสียงนั้น มีข้อเสียที่สำคัญคือ ผู้เรียนต้องจดจำทั้งรูปร่างและเสียงอ่านของตัวอักษรจำนวนมาก พจนานุกรมจีนฉบับสมบูรณ์มีตัวอักษรถึง 50,000 ตัว แม้ว่าหลายตัวจะเป็นอักษรโบราณหรือไม่ค่อยใช้แล้วก็ตาม ในชีวิตประจำวัน คนจีนแผ่นดินใหญ่ใช้ตัวอักษรประมาณ 3,500 ถึง 7,000 ตัว ส่วนในไต้หวันและฮ่องกงใช้ประมาณ 4,800 ตัว ปัจจุบัน มีระบบการเขียนจีนสองแบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ ตัวจีนแบบดั้งเดิมที่ใช้ในฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน และตัวจีนแบบย่อที่ใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่และสิงคโปร์ ความแตกต่างนี้ยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับผู้เรียนภาษาจีน

ตัวอย่างของการย่อตัวอักษร

แต่เดิมนั้นภาษาจีนเขียนในแนวตั้ง โดยเริ่มจากด้านขวาสุดของหน้ากระดาษ เขียนลงมาเป็นแถว ๆ และเลื่อนไปทางซ้ายเรื่อย ๆ แต่ปัจจุบันการเขียนแนวนอนจากซ้ายไปขวาแบบภาษาอังกฤษก็เป็นที่นิยมเช่นกัน ในอดีต ภาษาจีนแทบไม่ใช้เครื่องหมายวรรคตอนเลย มีเพียงบางครั้งที่ใช้เพื่อแสดงคำนำหน้าเท่านั้น การใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างจริงจังเพิ่งเริ่มแพร่หลายในช่วงศตวรรษที่ 20 โดยระบบเครื่องหมายวรรคตอนของจีนก็แตกต่างจากที่ใช้ในภาษาตะวันตก

เนื่องจากตัวอักษรจีนไม่ได้บอกวิธีออกเสียง แม้รู้ความหมายก็ไม่ได้หมายความว่าจะอ่านออกเสียงได้ทันที ดังนั้น จึงมีการคิดระบบเขียนคำอ่านขึ้นมาสองแบบเพื่อช่วยในการสอนและบอกวิธีออกเสียง ระบบแรกชื่อ "จู้อิน" เริ่มใช้ในต้นศตวรรษที่ 20 ระบบนี้ประกอบด้วยสัญลักษณ์ 37 ตัว และเครื่องหมายวรรณยุกต์ 4 แบบ ซึ่งสามารถใช้แทนเสียงทั้งหมดในภาษาจีนกลางได้ ทำให้ผู้เรียนสามารถอ่านออกเสียงตัวอักษรจีนได้แม้ไม่รู้ความหมาย

ในปี 1950 จีนแผ่นดินใหญ่ได้นำระบบ "พินอิน" มาใช้ ซึ่งเป็นวิธีเขียนคำอ่านภาษาจีนด้วยตัวอักษรโรมัน โดยปรับปรุงมาจากระบบถอดเสียงเก่า ทั้งระบบจู้อินและพินอินใช้หลักการเดียวกันคือเขียนคำอ่านแบบคำต่อคำ ปัจจุบัน พินอินได้กลายเป็นมาตรฐานสากล (ISO) และใช้แทนจู้อินในเกือบทุกพื้นที่ ยกเว้นไต้หวันที่ยังคงนิยมใช้จู้อินอยู่ แม้ว่าจะมีการประกาศให้พินอินเป็นมาตรฐานในปี 2009 แล้วก็ตาม ทั้งสองระบบนี้มักเขียนกำกับเหนือหรือข้างขวาของตัวอักษรจีน เรียกวิธีนี้ว่า "รูบี" ซึ่งช่วยให้ผู้อ่านรู้วิธีออกเสียงได้ทันที

ตารางด้านล่างนี้แสดงภาพรวมของภาษาจีนทั้งแบบพูดและเขียนที่ใช้ในแต่ละพื้นที่

  ภูมิภาค  ภาษาพูด    ภาษาเขียน
 สาธารณรัฐประชาชนจีน ภาษาจีนกลาง  ตัวย่อ
 ฮ่องกง ภาษาจีนกวางตุ้ง  ดั้งเดิม (รวมถึงตัวอักษรเฉพาะของภาษากวางตุ้ง)
 มาเก๊า ภาษาจีนกวางตุ้ง  ดั้งเดิม (รวมถึงตัวอักษรเฉพาะของภาษากวางตุ้ง)
 ไต้หวัน ภาษาจีนกลาง  ดั้งเดิม
 สิงคโปร์ ภาษาจีนกลาง  ตัวย่อ

 

*กลุ่มภาษาถิ่นของภาษาจีนถือเป็นหนึ่งในสองภาษาหลักของตระกูลภาษาจีน-ทิเบตและกลุ่มภาษาทิเบต-พม่า ระบบประเภทภาษาถิ่นที่เป็นของดั้งเดิมจะประกอบไปด้วยภาษาจีนกลาง ภาษาหวู ภาษาเยว่ ภาษาหมิ่น ภาษาเซียง ภาษาฮากกา และภาษากั้น

ความท้าทายของการแปลและการโลคัลไลเซชันภาษาจีน

  • การเลือกนักแปลภาษาควรพิจารณาจากสามเกณฑ์หลัก ได้แก่ ภาษาถิ่นที่เป็นภาษาแม่ ระบบการเขียนที่เป็นภาษาแม่ และความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
  • สำหรับงาน DTP ภาษาจีนในปัจจุบันมักจะเขียนจากซ้ายไปขวาเหมือนภาษาอังกฤษ ซึ่งคนทำ DTP ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาก็สามารถทำได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎพื้นฐานของการตัดบรรทัดตามรูปแบบอักษรและวรรคตอนของภาษาจีน สำหรับการทำ DTP ในรูปแบบภาษาจีนดั้งเดิมที่เขียนในช่อง ๆ อาจเกิดปัญหาบางประการ รวมถึงกรณีที่ต้องมีภาษารูบีเป็นจู้อินหรือพินอินด้วย ซึ่งต้องใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์เฉพาะที่สามารถรองรับรูปแบบการเขียนนี้ได้เหมือนในภาษาแม่
  • สำหรับการบันทึกเสียงพากย์ ควรใช้นักพากย์ที่เป็นเจ้าของภาษาและสามารถพูดภาษาถิ่นได้ในระดับที่ตอบโจทย์กับเนื้องานและกลุ่มเป้าหมาย